030) 01: Magnitude 6

bannerrr

airbanner

10|9|8|7|6

5|4|3|2

.

.

.

.

.

.

.

.

1: Magnitude 6

Guest characters: Dr.Charlene Evans and ???

.

.

.

.

ความสว่างระดับ 6 เป็นระดับความสว่างของดาวฤกษ์ที่ริบหรี่ที่สุด

.
.
.
.
.
.
.

.

.

.

.

.

.

เสียงฝีเท้าดังกลบเสียงร้องสม่ำเสมอของเครื่องวัดสัญญาณชีวิต

หญิงเผ่าไฮบริดนกคนหนึ่งนั่งเงียบข้างเตียงผู้ป่วย สีหน้านิ่งเฉย ทว่าใต้ดวงตาสีเทาหลังแว่นนั้นหมองไปด้วยรอยคล้ำจากการอดหลับอดนอน

.

สงบนิ่ง หรือเป็นเพียงเพราะเหน็ดเหนื่อยเกินกว่าจะเสียใจ?

ด้านชาเกินกว่าจะร้องไห้ เพราะดวงใจสลายไปเนิ่นนานแล้ว?

.

เสียงผิวปากหวือดังมาจากผู้มาเยือนใหม่

.

“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน กลายเป็นแบบนี้ไปซะแล้วหรือ…”

.

แพทย์หญิงไม่ตอบ อีกร่างหนึ่งที่นอนอยู่ก็ทำได้เพียงส่งเสียงหายใจแทนคำตอบ

ปอดที่ไม่อาจส่งลมเข้าออกจากร่างผอมได้ยามไร้เครื่องช่วยรีดอากาศออกกระทบหน้ากากที่ครอบทั้งจมูกและปากของเจ้าของร่างจนขึ้นฝ้า

.
.

“…ตายมาได้กี่วันแล้วล่ะ เจ้านี่น่ะ?”

.

.

.

.

ชาร์ลีนสะดุ้งเบาๆ ดูเหมือนคำถามล่าสุดจากชายหนุ่มจะเรียกให้เธอหันมาสนใจเขาเสียที

ใจร้าย เธออยากจะลุกขึ้นตบหน้าเขาเสียเดี๋ยวนี้ แต่กลับไม่มีแม้แต่แรงจะพูดออกไปเช่นนั้น

.

“เกือบๆ …สอง…สัปดาห์” เค้นเสียงตอบออกมาอย่างยากเย็น “ช่วยเด็กคนนี้…ไว้ได้ไม่ทัน สมอง…ไม่ทำงานแล้ว…” และบางทีเธอก็คงจะตายตามมิซาร์ไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว อยากจะ เธอคิดขณะค่อยๆ กอดตัวเองไว้ไม่ให้สั่น

.
.

.
.

ชายหนุ่มมองแพทย์ร่างเล็กด้วยสายตาเรียบนิ่ง ผมเปียยาวแกว่งไกวขณะเจ้าตัวลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งข้างเธอและเตียง

.

“ไม่มีทางฟื้นแล้ว?”

.

“ไม่มี” ตอบย้ำก่อนจะรู้สึกเหมือนมีมีดทิ่มอก

.

ร่างสูงส่งเสียงในลำคอเป็นเชิงเข้าใจ ดวงตาสีฟ้าอมเขียวเจิดจรัสตวัดมองเด็กหนุ่มที่เหลือเพียงกายหยาบ

.

“ถ้าจะเก็บอวัยวะไปบริจาคล่ะก็ เราว่ารีบเอาออกตอนนี้เลยดีกว่านะ ก่อนจะใช้การไม่ได้ขึ้นมาจริงๆ”

.

ชาร์ลีนหลับตาลงช้าๆ แล้วส่ายหน้าแทนคำตอบ

.

“อา…จริงสิ เราลืมไป…หมอนี่เป็นโรคนี่นา” ชายหนุ่มเลือดเย็นมองพินิจเปลือกตาที่ปิดสนิทลงไปแล้วคู่นั้น “หรือว่าทางบ้านยังไม่ยอม?” ถามอีกครั้งพลางชี้ไปที่ท่อระโยงยาวของเครื่องช่วยหายใจ

.

“ยอมสิ… คนใจร้ายพวกนั้น เซ็นเอกสารยินยอมตั้งนานแล้ว…” ยิ่งพูดมากขึ้น ชาร์ลีนก็รู้สึกเหมือนเสียงของตัวเองสั่นขึ้นเรื่อยๆ

.

“ยื้อไว้อย่างนี้มีแต่จะทำให้เจ้าหนูทรมานนะ”

.

เธอรู้ดี “บางทีฉันก็สงสัยว่ามีมี่เคยมีความสุขบ้างไหมตั้งแต่เกิดมา…”

.

เจ้าของเปียยาวไม่พูด ตาจ้องคนตาย หูฟังคนเป็นขณะคำพูดของเธอค่อยๆ พรั่งพรูออกมาดั่งน้ำตาที่ถูกสะกดกลั้น

.

“คนที่เอาแต่คิดว่าตัวเองตายแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นน่ะ…เขาเคยมีความสุขบ้างไหมนะ? เขาเคยคิดบ้างไหมนะว่าคนที่ยังอยู่จะรู้สึกยังไง?”

.

เผลอสะอื้นออกมาจนได้

.

“ความตายน่ะ คนที่เลิกเจ็บคือคนที่จากไป แต่คนที่ยังอยู่น่ะ ไม่ตายก็เหมือนตายทั้งเป็น”

.
.
.
.
.
.

“ชีวิตก็เหมือนกับระเบิดนะ คุณหมออีแวนส์” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับกอดอก นัยน์ตาสีสดมองออกไปนอกหน้าต่าง

.

“เรื่องนี้คนเป็นหมออย่างฉันรู้ดีพอๆ กับเธอ”

.

“อื้อ นั่นแหละๆ ระเบิดน่ะถูกสร้างมาเพื่อระเบิด ชีวิตก็เหมือนกัน เกิดมาก็ต้องตายกันทุกคน ทุกคนมีระเบิดอยู่ในตัว” เสียงทุ้มทว่าเต็มไปด้วยชีวิตชีวานั้นร่ายคำอุปมาแสนประหลาดตามนิสัยเจ้าตัว ก่อนที่จะเอื้อมมือไปเกลี่ยเส้นผมสีเข้มของร่างบนเตียงเบาๆ น้ำเสียงนั้นจึงอ่อนกำลังลง “ถึงเด็กคนนี้จะระเบิดเร็วไปนิดก็เถอะ…”

.
.

.
.

เร็วไป…มาก ชาร์ลีนเสริมในใจ

.

“เราคิดว่าบางทีเจ้าหนูอาจเจอแล้วก็ได้นะ เหตุผลที่ตัวเองมีชีวิตอยู่ แล้วก็เหตุผลที่ตัวเองควรจะตายด้วย” นิ้วเรียวขยับจากเส้นผมมาจิ้มแก้มเย็น ดูเหมือนหลับมากกว่าตายเสียอีก ชายหนุ่มคิดแล้วหันไปยิ้มยิงฟันให้แพทย์หญิง “ดีนะเราว่า เหมือนระเบิดที่รู้เป้าหมาย ปาแล้วโดนเหยื่อเป๊ะๆ ไม่ระเบิดสะเปะสะปะให้คนไม่เกี่ยวโดนลูกหลง” แถมนิ้วโป้งยกประกอบคำพูดประหนึ่งกำลังพูดโฆษณาชวนเชื่อ

.

“..เธอรู้ตัวหรือเปล่าจ๊ะว่าคำพูดปลอบใจของเธอห่วยแตกแค่ไหน…” ถึงจะพูดออกไปแบบนั้นแต่คนสูงวัยกว่าก็ดูมีชีวิตขึ้นมาเล็กน้อย รอยยิ้มน้อยขยับประดับใบหน้าแม้จะยังเป็นยิ้มที่เศร้าไปด้วยความอาวรณ์ ชายหนุ่มหัวเราะตอบเบาๆ

.

“เราพยายามแล้วนะ” เขาแลบลิ้นประกอบก่อนสีหน้าจะกลับเข้าสู่อารามเคร่งขรึมสมวัยและฐานะ “…เด็กคนนี้ก็พยายามแล้วเหมือนกัน ถึงตาคุณบ้างแล้วล่ะ”

.
.
.
.
.

รอยยิ้มของแพทย์หญิงกว้างขึ้นอีกนิด ดวงตาที่คิดว่าน่าจะแห้งไปนานจนร้องไห้ไม่ออกไปแล้วบัดนี้กลับมารื้นด้วยน้ำใส

.

“เชื่อในตัวเจ้าหมอนี่เถอะนะ”

.

อื้อ เชื่อผมนะ

“ถึงต่อจากนี้จะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว แต่ก็คงจะสบายดี เรากับคุณหมอก็จะไม่เป็นไรเหมือนกัน” ชายหนุ่มถือวิสาสะตบไหล่ของเด็กหนุ่มแปะๆ “ไม่ต้องห่วงนะ”

.
.

เข้าใจแล้ว พวกคุณก็ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะ

.

แพทย์หญิงชาร์ลีน อีแวนส์ ลุกจากที่นั่ง ก้าวไปยืนข้างเครื่องที่ยื้อชีวิตของคนไข้คนแรกในชีวิตตนอย่างช้าๆ …ทว่าไม่ลังเลอีกต่อไป

.

.

.

.

.

.

พวกคุณจะมองไม่เห็นผมอีกต่อไปแล้ว

ผมเองก็จะติดต่อกับพวกคุณไม่ได้แล้วเหมือนกัน

.

…นายจะไม่ได้เจอฉันอีกแล้ว

.
.

.
.

แต่ฉันก็หวังนะ ว่าจะไม่เป็นไร

.

“มิซาร์…ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะจ๊ะ”

.

ขอโทษ แล้วก็ขอบคุณครับคุณชาร์ลี

.

“…หลับให้สบายนะ …ลาก่อนจ้ะ”

.

.

.
.

…ผมก็รักคุณครับ คุณแม่

.
.
.
.
.
.

14 มกราคม 1028, ฟีนิกซ์

พันจ่าอากาศโทอัลคอร์ มิซาร์ เอลิเชีย อายุ 18 ปี ถูกนำตัวจากเขตมัลวาร์ม อิคดราซิล เข้าสู่โรงพยาบาลฟีนิกซ์ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส กระดูกซี่โครงด้านหลังและกระดูกสันหลังบริเวณหน้าอกหักหลายชิ้น เลือดออกในช่องอกและสมอง (เนื่องจากได้รับแรงกระทบกระเทือนอย่างหนักที่บริเวณท้ายทอย) บริเวณก้านสมองขาดออกซิเจนเป็นระยะเวลานานเกินกว่าที่เซลล์สมองจะฟื้นตัวได้

แพทย์ให้การวินิจฉัยว่าอยู่ในสภาวะสมองตาย หัวใจและปอด รวมทั้งอวัยวะภายในอื่นๆได้รับการประคับประคองให้ทำงานต่อไปได้ด้วยเครื่องช่วย จนกระทั่งได้รับการยินยอมจากทางครอบครัวให้ยุติการใช้เครื่องช่วยหายใจในที่สุด

.
.
.
.
.
.

31 มกราคม 1028 (2557)

ตัวละครพันจ่าอากาศโทอัลคอร์ มิซาร์ เอลิเชีย เสียชีวิตแล้วค่ะ

 .

===============================================

.

  • อัลคอร์ นายแย่นะ ทำให้อิแม่ตั้งนั่งดูคลิป/เปิดหาข้อมูลเรื่องสภาวะสมองตายเนี่ย… //น้ำตาพุ่ง
  • อะ แต่ภาพเผาไปนิด ขอโต้ดนะ…
  • เจ็บจริง ตายจริง ไม่ใช่ตัวแสดงแทน
  • เราเป็นใครน่ะเหรอ? ….ไม่บอกหรอก ปล่อยให้งง! >:D
  • Shh…There’s one more.

4 thoughts on “030) 01: Magnitude 6

  1. อัลคอร์….
    เพราะไม่ได้ตามทวิต เลยเพิ่งมาเอะใจเมื่อวานค่ะ 5555555
    …..
    คือ….ก็เหมือนเคยคุยกันเรื่องนี้เมื่อนานมาแล้ว
    พอมาคิดๆดู ถึงอัลคอร์จะบรรลุเป้าหมาย(?)
    ก็บอกว่า ยินดีด้วยนะไม่ออกค่ะ
    อ่านแล้วทั้งเศร้าทั้งเหงา แต่ก็ชอบตัวขาวๆที่ซ่อนไว้55555
    แอชเช— เอ๊ย นาย???นี่ก็…..
    สกิลปลอบใจนายติดลบนะคะ (ฮา)

  2. อัลคอรรรรรรร์ กรี๊ดดดดดดดด

    เขียนเรื่องดีมากตั้งแต่แรกจนจบเลยค่ะ ชอบมากที่แบบ อัลคอร์โซอีปิค มาถึงตอนนี้

    เราเสียใจมากที่น้องชายตัวน้อยตายแล้ว
    ปีศาจน้อย นายตายอย่างสมเกียรติแล้ว
    แต่น่าเสียดายนัก

    เราจะคิดถึงนาย

    RIP. Elysia.

    ป.ล ใครคือคนคนนั้น

  3. #มาแบบดีเลย์นิดๆขออภัย
    อัลลลลลลลลลคอรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร์ อัลลลลลลลลลลลลลลล อ๊ากกกกกก อ่านมาทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนตอนนี้นี่แบบ เอื่ออออออออออออออออ ฮื่ออออออออออ มันอินมากกกกกกกกก มันซึ้งมากกกกกกกกกก มันเศร้าาาาาา พี่ปลาขยันมากกกกกกกกกกอ่าาาา เอื่อออออ //ดราม่า แอบร้องไห้ไปหลายที T[]T
    ชอบทุกตอนมากเลยค่ะ ฮื่อออออออออออ //เอาความรู้สึกที่อ่านมาทั้งมาเม้นในนี้ <<เอิ่ม
    อัลคอร์ถึงนายจะไปแล้ว ก็จะคิดถึงนายนะ

    RIP Alcor Mizar Elysia

  4. มันจุกอยู่ที่อก แน่นๆแบบพูดไม่ถูก คือตอนนี้ก็ยังใจหายอยู่ แบบ….ห่ะอะไรนะ คือตั้งตัวไม่ทันนนนนนนนนนนนนนนน โอยยยยยย /มากรี้ดแล้วจากไป

    สงบแล้วอัลคอร์ นายเป็นคนน่ารัก มันสงบแล้ว

Leave a comment